ผู้เขียน หัวข้อ: วิธีเลือกฉนวนกันความร้อน สำหรับบ้านในสภาพอากาศร้อน  (อ่าน 37 ครั้ง)

siritidaphon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 260
  • เว็บลงโฆษณาฟรี ประกาศขายสินค้าออนไลน์ ซื้อขายแลกเปลี่ยน
    • ดูรายละเอียด
วิธีเลือกฉนวนกันความร้อน สำหรับบ้านในสภาพอากาศร้อน

การสร้างบ้านในสภาพอากาศร้อน จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการเลือกวัสดุที่ช่วยป้องกันความร้อนเข้าสู่ภายในบ้าน หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือการเลือกใช้ฉนวนกันความร้อนอย่างเหมาะสม เพราะฉนวนกันความร้อนมีบทบาทสำคัญในการรักษาอุณหภูมิภายในบ้านให้เย็นลง ลดความร้อนจากภายนอก และช่วยให้เครื่องปรับอากาศทำงานน้อยลง ส่งผลให้ประหยัดพลังงานได้อย่างมาก ดังนั้น เราควรมาทำความรู้จักกับวิธีการเลือกฉนวนกันความร้อนที่เหมาะสมกับบ้านในสภาพอากาศร้อน


6 วิธีเลือกฉนวนกันความร้อน ให้เข้ากับบ้าน

1. พิจารณาค่า R-Value

   ค่า R-Value คือค่าที่ใช้บ่งบอกประสิทธิภาพในการกันความร้อนของฉนวน ยิ่งค่า R-Value สูงเท่าไร ยิ่งมีความสามารถในการป้องกันความร้อนได้ดีเท่านั้น ในสภาพอากาศร้อนควรเลือกฉนวนที่มีค่า R-Value สูงเพื่อลดการนำความร้อนเข้าสู่บ้าน โดยปกติแล้ว ค่า R-Value ที่เหมาะสมสำหรับบ้านในเขตร้อนจะอยู่ในช่วง R-30 ถึง R-60 ขึ้นอยู่กับวัสดุและพื้นที่การติดตั้ง

 
2. เลือกวัสดุฉนวนที่เหมาะสม

   มีหลายวัสดุที่ใช้ทำฉนวนกันความร้อน แต่ละประเภทก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ดังนี้:

-        ใยแก้ว (Fiberglass): เป็นวัสดุที่นิยมใช้ในการกันความร้อนเนื่องจากมีราคาประหยัด หาซื้อได้ง่าย และติดตั้งสะดวก แต่ควรใช้กับพื้นที่ที่ปิดสนิท เนื่องจากใยแก้วอาจฟุ้งกระจายได้เมื่อแตกหักหรือเสียหาย

-        โฟมพอลิยูรีเทน (Polyurethane Foam): วัสดุที่มีคุณสมบัติการป้องกันความร้อนได้ดีและมีน้ำหนักเบา สามารถฉีดพ่นได้ในบริเวณที่ต้องการ แต่ราคาค่อนข้างสูงและติดตั้งยุ่งยาก

-        ฉนวนใยเซลลูโลส (Cellulose): ทำจากวัสดุธรรมชาติ เช่น กระดาษรีไซเคิล ฉนวนชนิดนี้สามารถป้องกันความร้อนและเสียงได้ดี เหมาะกับคนที่ต้องการวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ฉนวนแบบ Foam

 
3. ตรวจสอบคุณสมบัติการกันไฟ

   การเลือกฉนวนกันความร้อนไม่ใช่แค่พิจารณาเพียงประสิทธิภาพในการกันความร้อนเท่านั้น แต่ยังต้องพิจารณาถึงคุณสมบัติการป้องกันไฟด้วย โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนที่อาจทำให้ความเสี่ยงในการเกิดไฟไหม้สูงขึ้น ควรเลือกฉนวนที่มีคุณสมบัติทนไฟหรือไม่ติดไฟ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในกรณีเกิดอุบัติเหตุ

 
4. การติดตั้งในพื้นที่ต่าง ๆ

หลังคา: หลังคาเป็นส่วนที่รับความร้อนจากแสงอาทิตย์มากที่สุด การติดตั้งฉนวนกันความร้อนใต้หลังคาจึงเป็นสิ่งสำคัญ ควรเลือกฉนวนที่มีความหนาแน่นสูงและทนทานต่อสภาพอากาศร้อน

ผนัง: ผนังบ้านที่โดนแดดเป็นเวลานานจะสะสมความร้อนไว้ การติดฉนวนกันความร้อนภายในผนังจึงช่วยลดการถ่ายเทความร้อนเข้าสู่ตัวบ้านได้มาก

พื้น: พื้นที่มีช่องระบายอากาศหรือชั้นลอยควรติดตั้งฉนวนเพื่อป้องกันความร้อนจากภายนอก

 
5. คำนึงถึงความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

   ในยุคที่ทุกคนหันมาให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ควรพิจารณาเลือกฉนวนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ฉนวนที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิลหรือวัสดุธรรมชาติ ไม่ก่อให้เกิดสารพิษหรือสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ฉนวนประเภทนี้นอกจากจะช่วยป้องกันความร้อนได้ดีแล้ว ยังช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วย

 
6. ราคาและความคุ้มค่า

   การเลือกฉนวนกันความร้อนควรพิจารณาถึงราคาและความคุ้มค่า โดยไม่ควรเลือกฉนวนที่ราคาถูกเกินไปเพราะอาจมีประสิทธิภาพต่ำ และในขณะเดียวกันก็ไม่จำเป็นต้องเลือกวัสดุที่แพงเกินไป ควรพิจารณาประสิทธิภาพการกันความร้อน และอายุการใช้งานที่ยาวนาน เพื่อให้ได้รับความคุ้มค่าที่สุด